วารสารสังคมศาสตร์บูรณาการ
https://www.ojs.mbuslc.ac.th/index.php/issj
<p>วารสารสังคมศาสตร์บูรณาการ <strong>ISSN 2773-8949</strong> มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแหล่งเผยแพร่ผลงานทางวิชาการที่เป็นประโยชน์ในสาขาสังคมศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ นิติศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และพุทธศาตร์ ของนักศึกษาและนักวิชาการทั้งจากภายในและภายนอกหน่วยงาน</p>
มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตศรีล้านช้าง
th-TH
วารสารสังคมศาสตร์บูรณาการ
2773-8949
<p><em>บทความที่ได้รับการพิจารณาจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและเผยแผ่ในวารสารฉบับนี้ เป็นทัศนคติและข้อคิดเห็นส่วนบุคคลของผู้เขียนแต่ละท่าน ไม่ถือว่าเป็นทัศนะคติและความรับผิดชอบ</em><em>ของบรรณาธิการ</em></p> <p><em> บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารสังคมศาสตร์บูรณาการ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารสังคมศาสตร์บูรณาการ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักอักษรจากวารสารสังคมศาสตร์บูรณาการ ก่อนเท่านั้น</em></p>
-
ผลการใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps ร่วมกับเกมกระดานที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนนครนายกวิทยาคม
https://www.ojs.mbuslc.ac.th/index.php/issj/article/view/294
<p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps ร่วมกับเกมกระดาน (2) เพื่อศึกษาความพึงพอใจที่มีต่อกระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps ร่วมกับเกมกระดาน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนนครนายกวิทยาคม ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 จำนวน 40 คน โดยมาจากการสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งกลุ่ม (Cluster Random Sampling) โดยการจับสลาก เครื่องมือ ที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ (1) แผนการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps เรื่อง รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ (2) เกมกระดาน เรื่อง รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ (3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ (4) แบบสอบถามความพึงพอใจที่มีต่อกระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps ร่วมกับเกมกระดาน วิเคราะห์ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps ร่วมกับเกมกระดาน โดยสถิติเชิงบรรยาย ประกอบด้วยค่าเฉลี่ยคะแนน ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและคะแนนพัฒนาการสัมพัทธ์ โดยเปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยจากแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ โดยใช้สถิติ t-test แบบ Dependent และวิเคราะห์ความพึงพอใจที่มีต่อกระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps ร่วมกับเกมกระดานกระดาน โดยสถิติเชิงบรรยาย ประกอบด้วย ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า (1) นักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps ร่วมกับเกมกระดานมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 (2) นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps ร่วมกับเกมกระดานอยู่ในระดับมากที่สุด</p>
กมลลักษณ์ นวลสนอง
กิตติศักดิ์ ลักษณา
Copyright (c) 2024 วารสารสังคมศาสตร์บูรณาการ
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2024-12-31
2024-12-31
4 12
1
15
-
การจัดการเรียนรู้รายวิชาศิลปะพื้นฐานดนตรี 2 ตามแนวคิดโคดาย เพื่อพัฒนาความรู้ในการอ่านโน้ตดนตรีไทยและทักษะการปฏิบัติขลุ่ยเพียงออเบื้องต้น สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
https://www.ojs.mbuslc.ac.th/index.php/issj/article/view/295
<p>บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เปรียบเทียบความรู้ในการอ่านโน้ตดนตรีไทย ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้ในรายวิชาศิลปะพื้นฐานดนตรี 2 ตามแนวคิดโคดาย <br>2) เปรียบเทียบทักษะการปฏิบัติขลุ่ยเพียงออเบื้องต้น ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้ในรายวิชาศิลปะพื้นฐานดนตรี 2 ตามแนวคิดโคดาย และ 3) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ในรายวิชาศิลปะพื้นฐานดนตรี 2 ตามแนวคิดโคดาย กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่กำลังศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 โรงเรียนแห่งหนึ่ง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 2 จำนวน 1 ห้อง มีนักเรียนจำนวน 38 คน ได้มาจากการสุ่มแบบกลุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาศิลปะพื้นฐานดนตรี 2 จำนวน 3 แผน 2) แบบทดสอบวัดความรู้ในการอ่านโน้ตดนตรีไทย จำนวน 20 ข้อ 3) แบบประเมินทักษะการปฏิบัติขลุ่ยเพียงออเบื้องต้น จำนวน 5 ข้อ และ 4) แบบสอบถามความพึงพอใจ จำนวน 12 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสถิติ t-test for dependent samples</p> <p> ผลการวิจัยพบว่า 1) นักเรียนมีความรู้ในการอ่านโน้ตดนตรีไทย หลังเรียนโดยใช้การจัดการเรียนรู้ในรายวิชาศิลปะพื้นฐานดนตรี 2 ตามแนวคิดโคดาย สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 2) นักเรียนมีทักษะการปฏิบัติขลุ่ยเพียงออเบื้องต้น หลังเรียนโดยใช้การจัดการเรียนรู้ในรายวิชาศิลปะพื้นฐานดนตรี 2 ตามแนวคิดโคดาย สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 และ 3) นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้ในรายวิชาศิลปะพื้นฐานดนตรี 2 ตามแนวคิดโคดาย อยู่ในระดับมากที่สุด (= 4.86, S.D.=0.34)</p>
ชนิญญาดา มีสุขมาก
ชิดชไม วิสุตกุล
Copyright (c) 2024 วารสารสังคมศาสตร์บูรณาการ
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2024-12-31
2024-12-31
4 12
17
28
-
แนวทางการพัฒนาการจัดการขยะมูลฝอยโดยชุมชนอย่างครบวงจร ในเขตเทศบาลเมืองเลย
https://www.ojs.mbuslc.ac.th/index.php/issj/article/view/296
<p> บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวทางการพัฒนาการจัดการขยะมูลฝอยโดยชุมชนอย่างครบวงจรในเขตเทศบาลเมืองเลย เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพโดยใช้การสนทนากลุ่ม โดยผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และผู้นำชุมชน รวมทั้งสิ้นจำนวน 12 คน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา</p> <p> ผลการวิจัยพบว่า แนวทางการพัฒนาการจัดการขยะมูลฝอยโดยชุมชนอย่างครบวงจรในเขตเทศบาลเมืองเลย ประกอบไปด้วย 1) การบริหารงานแบบมีส่วนร่วม โดยเน้นการมีส่วนร่วมจากชุมชน ส่งเสริมให้ประชาชนมีบทบาทสำคัญในการจัดการขยะมูลฝอยในชุมชนตนเอง 2) การสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยการสนับสนุนงบประมาณ วัสดุ อุปกรณ์ และระบบช่วยเหลือการจัดการขยะมูลฝอย จากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน 3) การรับรู้ข้อมูล โดยการที่ประชาชนในชุมชนได้รับความรู้ ข่าวสาร ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการขยะมูลฝอยโดยชุมชนอย่างครบวงจร ทั้งจากสื่อบุคคล สื่อสิ่งพิมพ์ และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ 4) วัฒนธรรมชุมชน โดยการสร้างวิถีปฏิบัติ ความรู้และความเชื่อที่ถูกต้องในการจัดการขยะมูลฝอยในชุมชน ตลอดจนปลูกจิตสำนึกรักษ์ชุมชนให้แก่ประชาชนในชุมชน และ 5) ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลง โดยการพัฒนาผู้นำชุมชนให้มีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริหารจัดการขยะของผู้คนในชุมชน เพื่อให้เกิดรูปแบบการจัดการขยะมูลฝอยโดยชุมชนอย่างครบวงจร รวมถึงการพัฒนาความสามารถและศักยภาพของประชาชนในชุมชนให้ไปสู่ระดับที่สูงขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การจัดการขยะมูลฝอยในชุมชนอย่างยั่งยืนต่อไป</p>
วีระยุทธ รัชตเวชกุล
Copyright (c) 2024 วารสารสังคมศาสตร์บูรณาการ
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2024-12-31
2024-12-31
4 12
29
40
-
การพัฒนารูปแบบการขับเคลื่อนการป้องกันการทุจริตตามแนวพระพุทธศาสนาแบบมีส่วนร่วมของพระสงฆ์ในเขตปกครองสงฆ์ ภาค 8
https://www.ojs.mbuslc.ac.th/index.php/issj/article/view/325
<p>การวิจัยเรื่องนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัจจุบันของการมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนการป้องกันการทุจริตของพระสงฆ์ในเขตปกครองสงฆ์ ภาค 8 2) พัฒนารูปแบบการขับเคลื่อนการป้องกันการทุจริตตามแนวพระพุทธศาสนาแบบมีส่วนร่วมของพระสงฆ์ในเขตปกครองสงฆ์ ภาค 8 และ 3) ประเมินความเป็นไปได้ทางทฤษฎีของรูปแบบ เป็นการวิจัยและพัฒนา (R&D) โดยการประสานวิธีวิจัย (Mixed method research: MMR) กลุ่มผู้ให้ข้อมูลหลัก ได้แก่ พระสังฆาธิการระดับเจ้าคณะจังหวัด และเจ้าคณะอําเภอ จำนวน 12 คน เก็บรวบรวมข้อมูลเชิงคุณภาพโดยใช้เครื่องมือวิจัยคือการสัมภาษณ์เชิงลึกและการสนทนากลุ่มเพื่อร่างรูปแบบและประเมินความเป็นไปได้ทางทฤษฎีของรูปแบบโดยผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 5 รูป/คน วิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์เนื้อหาเชิงบรรยายและพรรณนาวิธี ผลการวิจัยพบว่า 1) พระสงฆ์ในเขตปกครองสงฆ์ภาค 8 มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนการป้องกันการทุจริตโดยการส่งเสริมให้เป็นคนมีศีล ไม่ลักขโมย (อทินนาทานา เวรมณี) ส่งเสริมให้เป็นคนซื่อตรง (อาชชวะ) ส่งเสริมให้ประกอบอาชีพสุจริต (สัมมาอาชีวะ) ส่งเสริมให้มีความพอเพียง (สันตุฏฐิ) ส่งเสริมให้รู้จักละอายใจที่จะทำชั่วและกลัวความชั่ว (หิริโอตตัปปะ) ส่งเสริมให้ไม่ละโมบอยากได้ของของคนอื่น (สุจริตธรรม) ส่งเสริมไม่ให้ทำชั่ว (ทุจริตธรรม) ส่งเสริมให้อยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสงบสุข (ฆราวาสธรรม) และส่งเสริมให้ทำความดีต่อเนื่อง (สัมมัปปธาน) 2) รูปแบบการขับเคลื่อนการป้องกันการทุจริตตามแนวพระพุทธศาสนาแบบมีส่วนร่วมของพระสงฆ์ในเขตปกครองสงฆ์ ภาค 8 มีลักษณะเป็นวิธีการเชิงระบบ (System Approach) ประกอบด้วย 1) ปัจจัยนำเข้า (Input) 2) กระบวนการ (Process) 3) ผลผลิต (Output) และ 4) ข้อมูลป้อนกลับ (Feedback) ภายใต้สภาพแวดล้อม และ 3) ผลการประเมินรูปแบบการขับเคลื่อนการป้องกันการทุจริตตามแนวพระพุทธศาสนาแบบมีส่วนร่วมของพระสงฆ์ในเขตปกครองสงฆ์ ภาค 8 โดยผู้เชี่ยวชาญ พบว่ามีความเหมาะสม ความเป็นไปได้ ความสอดคล้อง และความเป็นประโยชน์อยู่ที่ระดับมาก</p>
วิเชียร สายสี
ประดิษฐ์ ศรีโนนยาง
พลภัทร อภัยโส
กรรณิกา ไวโสภา
เตชทัต ปักสังขาเนย์
Copyright (c) 2024 วารสารสังคมศาสตร์บูรณาการ
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2024-12-31
2024-12-31
4 12
53
64
-
การพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษโดยใช้การจัดการเรียนการสอนแบบโครงงานของนักศึกษาสาขาวิชาการสอนภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตศรีล้านช้าง
https://www.ojs.mbuslc.ac.th/index.php/issj/article/view/326
<p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาทักษะภาษาอังกฤษของนักศึกษาสาขาวิชาการสอนภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตศรีล้านช้าง 2) พัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของนักศึกษา โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบโครงงาน และ 3) เสนอแนวทางการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของนักศึกษา เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม 2 วงจร 10 ขั้นตอน ในวงจรแรก กลยุทธ์ที่ใช้ คือ 1) การวิเคราะห์ช่องว่างทักษะภาษาอังกฤษรายบุคคล 2) การอบรมเชิงปฏิบัติการ 3) การตั้งคู่บัดดี้และกำหนดหัวข้อรับผิดชอบ และ 4) การสังเกตการเข้าค่ายและถอดบทเรียน ในวงจรที่ 2 กลยุทธ์ที่ใช้ คือ 1) การบันทึกการเรียนรู้สะท้อนผลรายวัน 2) การจัดค่ายจำลอง/ซ้อมย่อย 3) การใช้เครื่องมือประเมินเฉพาะทักษะ และ <br>4) การนำเสนอความรู้ใหม่สู่ชุมชน กลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ร่วมวิจัย ซึ่งเป็นนักศึกษาสาขาวิชาการสอนภาษาอังกฤษ ชั้นปีที่ 1-4 จำนวน 27 รูป/คน ในปีการศึกษา 2567 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) แบบบันทึกการประชุม 2) แบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง 3. แบบสังเกต 4. แบบประเมินโครงการ และ 5. แผนพัฒนารายบุคคล วิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์เนื้อหา และนำเสนอผลการวิจัยโดยใช้วิธีการบรรยายเชิงวิพากษ์ (Critical Description) ผลการวิจัยพบว่า 1. ผลการศึกษาทักษะภาษาอังกฤษของนักศึกษาสาขาวิชาการสอนภาษาอังกฤษมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตศรีล้านช้าง โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบโครงงาน พบว่า ในช่วงก่อนการเข้าร่วมการวิจัย นักศึกษาส่วนใหญ่ฟังคำศัพท์ภาษาอังกฤษเข้าใจเกือบทุกคำ เข้าใจประโยคคำสั่ง และประโยคคำถาม ตอบคำถามไม่คล่องแคล่ว ไม่ต่อเนื่อง และหยุดคิดนาน อ่านออกเสียงคำศัพท์บางคำไม่ถูกต้อง เขียนสะกดคำศัพท์ถูกบ้าง ผิดบ้าง ไม่แม่นยำในโครงสร้าง Tense และ Passive voice 2. ผลการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของนักศึกษาสาขาวิชาการสอนภาษาอังกฤษมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตศรีล้านช้าง โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบโครงงาน พบว่า นักศึกษาเข้าใจคำศัพท์ ประโยคคำสั่ง และประโยคคำถาม พูดหรือโต้ตอบคำถามได้อย่างคล่องแคล่ว ต่อเนื่อง ไม่ติดขัด อ่านคำศัพท์และข้อความได้ถูกต้องและเข้าใจ และเขียนคำศัพท์ เขียนตอบคำถาม และเขียนบรรยายได้ถูกต้อง และสามารถให้บริการวิชาการจัดค่ายภาษาอังกฤษ 3. แนวทางการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ นักศึกษาควรจดจำคำศัพท์และประโยคที่ใช้จัดค่ายภาษาอังกฤษให้ได้ก่อนจัดค่ายภาษาอังกฤษ นักศึกษาควรหมั่นพูดประโยคต่าง ๆ ทั้งคำถาม คำตอบ และคำศัพท์ รวมถึงการร้องเพลงภาษาอังกฤษที่จำเป็นต้องใช้เพื่อพัฒนาทักษะการพูด นักศึกษาควรจับคู่กับเพื่อนผลัดกันถามผลัดกันตอบเพื่อพัฒนาทักษะการฟัง นักศึกษาควรฝึกอ่านออกเสียงคำศัพท์และเนื้อหาที่ใช้ในการจัดค่ายภาษาอังกฤษเพื่อพัฒนาทักษะการอ่าน และนักศึกษาควรฝึกเขียนทบทวนคำศัพท์และประโยคที่ได้ท่องจำไว้แล้วบ่อย ๆ เพื่อพัฒนาทักษะการเขียน</p>
ประดิษฐ์ ศรีโนนยาง
กิตติพัฒน์ ทาวงศ์ษา
บรรจบ โชติชัย
พลภัทร อภัยโส
ยชุรเวท หงส์สิริ
Copyright (c) 2024 วารสารสังคมศาสตร์บูรณาการ
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2024-12-31
2024-12-31
4 12
65
78
-
การศึกษาประวัติ ผลงานและคำสอนของพระภัทรธรรมสุธี (สุพัฒน์ สุวฑฺฒโน)
https://www.ojs.mbuslc.ac.th/index.php/issj/article/view/314
<p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 2 ประการ คือ 1) เพื่อศึกษาประวัติ ผลงานและคำสอนของพระภัทรธรรมสุธี (สุพัฒน์ สุวฑฺฒโน) และ 2) เพื่อรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลประวัติ ผลงานและคำสอนของพระภัทรธรรมสุธี (สุพัฒน์ สุวฑฺฒโน) ใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงเอกสาร (documentary research) รวมกับการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth interview) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นการศึกษาทบทวนจากข้อมูลระดับปฐมภูมิจากผลงานการประพันธ์ของพระภัทรธรรมสุธี (สุพัฒน์ สุวฑฺฒโน) ประกอบการสัมภาษณ์เชิงลึกนักวิชาการการศาสนา จำนวน 5 คน วิเคราะห์ข้อมูลโดยวิธีการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า พระภัทรธรรมสุธี (สุพัฒน์ สุวฑฺฒโน) เป็นพระต้นแบบพระ ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะของพุทธศาสนิกชนโดยทั่วไป เป็นปราชญ์นักบริหารกระดูกทองจากตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดเลย (ธ) บริหารคณะสงฆ์สังกัดคณะธรรมยุติกนิกายในจังหวัดเลย เป็นเจ้าอาวาสวัดศรีสุทธาวาส (พระอารามหลวง) กำกับดูแลพระภิกษุและสามเณรในวัด เป็นที่ปรึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรมศรีจันทร์วิทยา เป็นผู้อุปถัมภ์มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตศรีล้านช้าง เป็นผู้ใบอนุญาตโรงเรียนการกุศลหลวงปู่ศรีจันทร์ วัณณาโภ และยังเป็นผู้สนับสนุนโรงเรียนพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ นอกจากนี้ยังมีผลงานด้านร้อยแก้วและร้อยกรองเป็นจำนวนมากจากประสบการณ์การเผยแผ่ธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเป็นระยะเวลานานหลายสิบปี </p>
พระครูปริยัติสาทร
ทวีศักดิ์ ใครบุตร
เตชทัต ปักสังขาเนย์
ประดิษฐ์ ศรีโนนยาง
Copyright (c) 2024 วารสารสังคมศาสตร์บูรณาการ
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2024-12-31
2024-12-31
4 12
109
122